สารจากประธานกรรมการบริษัท
ในนามของคณะกรรมการ คณะผู้บริหารและพนักงานของ SPCG ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ให้ความไว้วางใจ ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนการดำเนินงานของ SPCG ด้วยดีเสมอมา และขอให้คำมั่นว่าเราจะมุ่งมั่นทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพื่อให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน

(ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ)
ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่

ในช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (“SPCG”) ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ทั้งด้านการบริหารจัดการผลประกอบการของบริษัทฯ การแสวงหาผลกำไร การบริหารจัดการองค์กร การพิจารณาโอกาสในการลงทุนเพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทั้งจากมิติเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ รวมไปถึงมิติสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่มีนัยสำคัญ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี และสังคมดิจิทัลยุคใหม่ นำมาซึ่งความท้าทายในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงและการพัฒนาศักยภาพของ SPCG

ในปี 2566 SPCG ได้ประกาศเจตนารมณ์เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดย SPCG จะมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573 และได้ลงนามบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC ร่วมกับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด “INNOPOWER” บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ผู้นำด้านนวัตกรรมพลังงาน โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันเพื่อส่งเสริมเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2593 และการบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์(Net Zero Emissions) ภายในปี พ.ศ. 2608
อีกทั้งจะเป็นการส่งเสริมการใช้และการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงาน กมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC) โดย INNOPOWER จะเป็นผู้แทนในการบริหารจัดการและซื้อขายเเลกเปลี่ยน REC ในระยะเวลา 5 ปี SPCG คาดว่าโรงผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Farm ทั้ง 36 โครงการในประเทศไทย รวมกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ของบริษัทนั้น จะสามารถออก REC ได้ ประมาณ 370,000 RECs ต่อปี

SPCG ให้ความสำคัญต่อมาตรการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน (Emerging Risk) ปกับบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นใหม่ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เพื่อรักษาความต่อเนื่องในทุกกิจกรรมทางธุรกิจของ โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นคู่ค้า ลูกค้า ผู้ถือหุ้น รวมถึงทีมงานทุกคน เรามุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของผู้บริหาร และพนักงาน และในขณะเดียวกันเรายังมีนโยบายปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ ทั้งในปัจจุบันและอนาคตลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญ เพื่อเสริมสร้างสภาพคล่องและรักษาผลประกอบการและกำไรของบริษัท

นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตของผลประกอบการแล้ว บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในมิติต่างๆ โดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance)
มีธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้ พร้อมกับกำกับดูแลให้บริษัทย่อย
ทุกบริษัทดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการสนับสนุนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจัง ทำให้ ในปี 2566 SPCG ได้รับคะแนนการประเมินบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแลกิจการระดับ 
5 ดาว “ดีเลิศ” เป็นปีแรก

SPCG ในฐานะผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นพลังงานทางเลือกที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายด้านต้นทุน สามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุสําคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ประกอบกับวิกฤตการณ์ค่าไฟฟ้าแพงและกระแสความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้เกิดการลงทุนอย่างมหาศาล ช่วยสร้างงาน สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ สามารถนำพาสังคมโลกก้าวไปสู่การเป็นผู้นำสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ในประชาคมอาเซียน

ปัจจุบัน SPCG มีโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทยทั้งหมด 36 โครงการ กระจายอยู่ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ขอนแก่น สกลนคร หนองคาย อุดรธานีนครพนม เลย สุรินทร์ บุรีรัมย์ และลพบุรี รวมเนื้อที่ดินกว่า 5,000 ไร่ กำลังการผลิตรวมกว่า 260 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นอีก 3 โครงการ ได้แก่โครงการ “Tottori Yonago Mega Solar Farm” ณ เมืองทอตโตะริ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 30 เมกะวัตต์ ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ปี 2561, โครงการ“Ukujima Mega Solar Project
ณ เมืองซาเซโบ จังหวัดนางาซากิ กำลังการผลิตติดตั้งรวม
 
480 เมกะวัตต์ และโครงการ Fukuoka Miyako Mega Solar
ณ เกาะคิวชู (Kyushu) เมืองมิยาโกะ กำลังการผลิตติดตั้งรวม
67 เมกะวัตต์ ปัจจุบัน SPCG มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นทั้งในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รวมกว่า 400 เมกะวัตต์ โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์


Call 02.011.8111
Copyright © 2019 SPCG Public Company Limited. All rights reserved. Designed by DEGITO