สารจากประธานกรรมการบริษัท
ในนามของคณะกรรมการ คณะผู้บริหารและพนักงานของ SPCG ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ให้ความไว้วางใจ ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนการดำเนินงานของ SPCG ด้วยดีเสมอมา และขอให้คำมั่นว่าเราจะมุ่งมั่นทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบ
ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพื่อให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน


(ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ)

ประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่

ในปี 2567 ที่ผ่านมา คณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงาน บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) (“SPCG”) ยังคงมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่อย่าง เต็มความสามารถ ทั้งด้านการบริหารจัดการผลประกอบการของบริษัทฯ การแสวงหาผลกำไร การบริหารจัดการองค์กร การพิจารณาโอกาสในการลงทุน เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ท่ามกลางสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจของประเทศไทย SPCG ติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมรับมือในทุกๆ สถานการณ์ รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มีนัยสำคัญ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี SPCG ได้ปรับเปลี่ยนองค์กร ตั้งแต่การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ ทรัพยากรบุคคล วัฒนธรรมองค์กร ไปจนถึงขั้นตอนการทำงานของทุกฝ่าย เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้มีศักยภาพ พร้อมรับมือกับยุคดิจิทัล นำมาซึ่งความท้าทายในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของ SPCG

นอกเหนือจากการสร้างการเติบโตของผลประกอบการแล้ว บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ โดยยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) มีธรรมาภิบาลโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมถึงกำกับดูแลให้บริษัทย่อยดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาลด้วยความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคม รวมถึงการสนับสนุนต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การส่งเสริมความเท่าเทียมกัน

SPCG ในฐานะผู้บุกเบิกและพัฒนาธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ถือเป็นพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นพลังงานทางเลือกที่มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายด้านต้นทุน สามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สาเหตุสําคัญของการเกิดภาวะโลกร้อน ประกอบกับวิกฤตการณ์ค่าไฟฟ้าแพงและกระแสความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์สูงขึ้นแบบก้าวกระโดด ส่งผลให้เกิดการลงทุนอย่างมหาศาล ช่วยสร้างงาน สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมในระดับชาติ สามารถนำพาสังคมโลกก้าวไปสู่การเป็นผู้นำสังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) ในประชาคมอาเซียน

ในปีที่ผ่านมา SPCG ได้มีการประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร โดย SPCG มีปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด 919 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรที่ผ่านการทวนสอบแล้ว โดยปริมาณก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวเกิดจากการดำเนินกิจกรรมของสำนักงานใหญ่ทั้งหมด 152 tCO2eq และส่วนของโซลาร์ฟาร์ม 767 tCO2eq และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในขณะที่ SPCG ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ประมาณ 200,000 ตัน CO2 ต่อปี

SPCG มีความมุ่งมั่นในการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวให้เป็นศูนย์ด้วยการดำเนินมาตรการต่างๆ ได้แก่ การอนุรักษ์พลังงาน การบริหารจัดการพลังงานด้วยระบบอัจฉริยะและอื่นๆ โดยบริษัทได้ทำการนำผลการประเมินดังกล่าวมาพัฒนาเป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน เพื่อให้เห็นแนวทางการพัฒนาบริษัทด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมจนนำไปสู่การเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทยและสังคมโลกที่ช่วยผลักดันให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกและมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ในอนาคต

อีกทั้ง SPCG ได้ประกาศเจตนารมณ์เพื่อส่งเสริมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดย SPCG จะมุ่งมั่นสู่ความเป็นกลาง ทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี พ.ศ. 2573 และได้ลงนามบันทึกข้อตกลงสัญญาซื้อขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate: REC ร่วมกับ บริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด “INNOPOWER” บริษัทในเครือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จำนวน 36 โครงการ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ขึ้นทะเบียนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เข้าสู่ ธุรกิจซื้อขาย RECs โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา SPCG ได้มีการส่งขาย RECs ให้กับ INNOPOWER แล้วทั้งสิ้น จำนวน 30,540 RECs เทียบเท่า 15,270 ตันคาร์บอนไดออกไซด์

ในนามของคณะกรรมการ คณะผู้บริหาร และพนักงานของ SPCG ขอขอบคุณผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ให้ความไว้วางใจ ให้ข้อเสนอแนะ และสนับสนุนการดำเนินงานของ SPCG ด้วยดีเสมอมา และขอให้คำมั่นว่าเราจะมุ่งมั่นทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจ เพื่อสร้างการเติบโตและผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้เสียอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน โดยยึดมั่นการดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพื่อให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างมั่นคงและยั่งยืน


Call 02.011.8111
Copyright © 2019 SPCG Public Company Limited. All rights reserved. Designed by DEGITO