เมื่อวันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีไว้อาลัยแด่การจากไปของ ดร.คาซึโอะ อินาโมริ ผู้ก่อตั้งบริษัท Kyocera ณ อาคารแคปปิตอล เวิร์ค เพลส
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” กล่าวว่า ในนามของผู้บริหารและพนักงาน SPCG เรารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งเกี่ยวกับการจากไปของ ดร. อินาโมริ นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งสำหรับบริษัท Kyocera และสำหรับ SPCG โดย ดร. อินาโมริ นับว่าเป็นบุคคลสำคัญต่อ SPCG เป็นอย่างมาก เนื่องจาก Kyocera และ SPCG ได้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจด้วยกันมาอย่างยาวนาน เมื่อแรกเริ่มพัฒนาโครงการโซลาร์ฟาร์มเมื่อ 12 ปีที่แล้ว ด้วยวิสัยทัศน์ ความเชื่อมั่น และความศรัทธาของท่าน ดร. อินาโมริ ที่มีต่อโครงการโซลาร์ฟาร์มของ SPCG ว่าสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้เกิดเป็นรูปธรรมได้ในประเทศไทย
ดร.วันดีกล่าวต่ออีกว่า ตนมีความศรัทธาในการบริหารจัดการของท่าน ดร. อินาโมริ และได้นำวิธีการหรือกลยุทธ์มาปรับใช้ภายในองค์กรมาโดยตลอด ท่านเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์และเป็นนักปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ที่มีทฤษฎีในการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยมที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและมนุษยชาติให้ดีขึ้น ท่านได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก และท่านทิ้งความประทับใจไว้ในหัวใจของผู้คนทั่วโลก
สุดท้ายนี้ขอยกคำพูดของท่านดร. อินาโมริ ในหัวข้อ “ความหมายของชีวิตคืออะไร?” ที่ถูกบันทึกไว้ในปี 2559
“เมื่อตอนที่ผมอายุ 27 ปี มีกลุ่มคนที่คอยสนับสนุนและช่วยเหลือผม ในการก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า KYOCERA นับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งในปี 1959 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 63 ปี ผมได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เรียกว่าการบริหารจัดการ แต่คำถามที่น่าสับสนที่สุดที่ผมมีคือ “ชีวิตคืออะไร และมันทำงานอย่างไร” แต่ละคนมีเส้นทางชีวิตของตนเองอย่างไร? ชีวิตของคนเราอาจถูกกำหนดไว้แล้วด้วยสิ่งที่เรียกว่า “โชคชะตา” กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ แต่ละคนเกิดมาในโลกนี้ด้วยโชคชะตาของตนเองและโชคชะตาจะเป็นสิ่งที่นำพา และผลักดันตัวเราไปตลอดการใช้ชีวิต เมื่อผมคิดเกี่ยวกับเรื่องของชีวิต ผมก็จะเข้าใจมันอย่างนั้น”
“ขณะที่เราเดินตามเส้นทางอันคดเคี้ยวที่เรียกว่าโชคชะตา เราพบกับหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตในขณะที่เราไร้ซึ่งอำนาจในเส้นทางแห่งโชคชะตานี้ ระหว่างเส้นทางของชีวิตนั้น บางคนคิดแต่เรื่องดีและทำความดี บางคนก็คิดแต่เรื่องชั่วร้ายและทำสิ่งชั่วร้าย จึงทำให้ผมเข้าใจได้ว่า การกระทำเหล่านี้ ส่งผลต่อชีวิตของเราเช่นกัน การคิดดีทำดี โชคชะตาของเราจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่วนการคิดชั่วทำชั่วนั้น โชคชะตาของเราจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่เลวร้ายและแย่ลง ชีวิตของเรามีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “กฎแห่งเหตุและผล” ซึ่งเป็นสิ่งควบคุมชีวิตของเราเช่นกัน ขณะที่พวกเราใช้ชีวิตตามโชคชะตาของเราเอง เราได้คิดและทำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งผมเชื่อว่า ความคิดและการกระทำเหล่านั้น จะส่งผลต่อโชคชะตาของเราเองในที่สุด”
ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=2eSHP_s1g54
