SPCG โชว์งบการเงินไตรมาส 1 ทำรายได้ 1,054.9 ล้านบาท ลดลง 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่บริษัทฯ ยังทำกำไรได้ต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิ 666.1 ล้านบาท มั่นใจผลประกอบการปีนี้ยังทำกำไรได้ต่อไป
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจขณะนี้ยังเดินหน้าต่อเนื่อง โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 มีรายได้รวมจากการขายและให้บริการ จำนวน 1,054.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ จำนวน 666.1 ล้านบาท ลดลง 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรอยู่ที่ 782.3 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทฯ มีรายได้และกำไรลดลงเนื่องจากตั้งแต่ปี 2563 - 2565 บริษัทมี 7 โซลาร์ฟาร์มที่ค่าแอดเดอร์หมดไปจากทั้งหมด 36 แห่ง ได้แก่ โครงการที่ โคราช 1 (20 เมษายน 2563), สกลนคร 1 (8 กุมภาพันธ์ 2564), นครพนม 1 (21 เมษายน 2564), โคราช 2 (12 กันยายน 2564), เลย 1 (14 กันยายน 2564), ขอนแก่น 1 (14 กุมภาพันธ์ 2565) และ โคราช 3 (8 มีนาคม 2565) อย่างไรก็ตามแม้ค่าแอดเดอร์หมดไปบริษัทยังคงได้รับเงินจากการขายไฟตามปกติ ในขณะเดียวกัน SPCG ยังคงเดินหน้านโยบายปรับลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการต้นทุนด้านต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุน O&M (Operating & Maintenance) สำหรับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มทั้งในปัจจุบันและอนาคต ลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมสร้างสภาพคล่องและรักษากำไรของบริษัท โดยในปี 2565 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 4,700 ล้านบาท
สำหรับ 2 โครงการใหญ่ที่ญี่ปุ่น ขณะนี้มีความคืบหน้ามากขึ้น โดยโครงการ Ukujima Mega Solar Project ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 480 เมกะวัตต์ (MW) งบการลงทุนทั้งสิ้นประมาณ 178,758 ล้านเยน หรือประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้น 17.92% หรือคิดเป็นเงินจำนวน 9,000 ล้านเยน หรือประมาณ 2,700 ล้านบาท บริษัทจะชำระเงินงวดที่เหลือภายในไตรมาส 3 ปี 2565 ปัจจุบันโครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในปี 2023-2024
“SPCG มั่นใจว่า โซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่นทุกโครงการที่บริษัทลงทุน นอกจากจะสามารถช่วยลดสภาวะโลกร้อน หรือ Climate Change แล้ว ยังสร้างผลตอบแทนที่ดีกลับคืนมาให้บริษัทได้ในอนาคต” ดร.วันดีกล่าว
นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหาการลงทุนโครงการใหม่ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท โดยจะเน้นไปที่พลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์